ความแตกต่างของลมทั้งสองแบบคือ ลมยางธรรมดาจะประกอบไปด้วยไนโตรเจน 78% ส่วน 22 % ที่เหลือจะเป็นไอน้ำและก๊าซต่างๆ ส่วนลมยางไนโตรเจนนั้นจะประกอบไปด้วยไนโตรเจนมากกว่า 95% ซึ่งแปลว่า Dry Nitrogen จะมีไอน้ำปนอยู่น้อยมาก ลดสาเหตุการเกิดสนิมที่กระทะล้อเพราะไอน้ำได้อย่างดีเยี่ยม

 ทำไมลมไนโตรเจนถึงมีความเสถียรมากกว่า 
จากส่วนประกอบต่างๆ ที่อยู่ภายในลมยางธรรมดาสามารถเกิดการขยายตัวได้ เนื่องจากความร้อนที่เกิดขึ้น จากการการขับขี่เป็นระยะเวลานานๆ หรือมีการใช้ความเร็วที่สูงมากๆ และการขยายตัวของก๊าซและไอน้ำนี่เอง ทำให้เกิดแรงดันมหาศาล สิ่งที่เกิดตามมาก็คือ การควบคุมรถจะทำได้ยาก รถมีความกระด้างและมีอัตราการสึกหรอที่มากขึ้น

 ส่วนก๊าซไนโตรเจน เป็นก๊าซเฉื่อย หรือก๊าซที่มีจุดเดือดต่ำ ไม่ไวต่อการเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ฉะนั้นเมื่อมีการขับขี่ไปนานๆ จนเกิดความร้อนภายในยาง ไนโตรเจนก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือขยายตัวจนสร้างความเสียหาย อย่างเช่น ยางระเบิด ทำให้ลมยางไนโตรเจนเป็นที่นิยมในรถแข่งระดับมืออาชีพ หรือในอุตสาหกรรมที่มีการใช้ยางอย่างหนักหน่วงอย่างล้อเครื่องบินที่ต้องรับน้ำหนักเครื่องบินทั้งลำที่หนักตั้งแต่ 34,000 – 64,000 กิโลกรัมเป็นต้น


- ลมยางไนโตรเจนกัดกร่อนเนื้อยางน้อยกว่า  ออกซิเจนและไอน้ำ ทำให้เกิดการกัดกร่อนหรือที่เรียกว่า ปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation Reaction) เนื้อยางด้านใน ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงการสึกหรอหรือการกัดกร่อนย่อมส่งผลเสียต่อเนื้อยาง ทำให้เนื้อยางขาดคุณสมบัติความคงทนไป โดยความเสียหายในกรณีนี้เราจะเห็นได้บ่อยจากการใช้ยางรถยนต์รุ่นเก่า ทั้งนี้ปฏิกิริยาดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นกับยางที่เติมด้วยลมไนโตรเจน เนื่องจากไนโตรเจนเป็นก๊าซแห้งที่มีส่วนผสมของออกซิเจนและไอน้ำน้อยมาก

 จุดบริการเติมลมไนโตรเจนมีที่ไหนบ้าง…?
 - ศูนย์บริการรถยนต์แบบครบวงจร
 - ศุนย์บริการทางรถยนต์มาตรฐาน
 - อู่ซ่อมรถขนาดใหญ่